วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สงครามการเงินQE หรือ Quantitative Easing

ถึงทียุโรป,ญี่ปุ่น,อังกฤษ(อีซีบี,บีโอเจ,บีโออี)นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ออกมาระบุว่าอีซีบี ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มขนาดของงบดุล
 สู่ระดับปี 2555 เพราะนับตั้งแต่นั้นมาก็เป็นจุดที่อีซีบีมีการอัดฉีดเงินซื้อพันธบัตรของรัฐบาล ที่มีปัญหาขาดแคลนเงินทุน รวมทั้งทำการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้จนเหลือแค่ 0.05% และเงินที่รับฝากติดลบ 0.20% เท่ากับเป็นการยืนยันว่าจะมีการทำ QE หรือ Quantitative Easing มีการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินขนาดใหญ่อีก 1 ล้านล้านยูโรหรือ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย โดยที่อีซีบีคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของยุโรปจะเติบโตอย่างเชื่องช้าลงที่ระดับ 0.8% ในปีนี้ ที่ 1.1% ในปี 2015 และที่ 1.7% ในปี 2016

ทั้งนี้การเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรปทั้ง 3 ปีดังกล่าวยังขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ระดับ 2% และมีเงินเฟ้อที่ 2%แต่เงินเฟ้อในปัจจุบันยืนอยู่ที่ 0.5%เท่านั้น ขณะเดียวกันโออีซีดีเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ลดลงอีกจาก 3.4% เป็น 3.3% ทำให้เกิดการขายเงินยูโรอย่างหนักส่งผลให้เงินยูโรร่วงลงอย่างรวดเร็วล่าสุดลงมาอยู่ที่ 1.2376 ดอลลาร์อ่อนค่าลง 9.44%จากช่วงต้นปี โดยเงินยูโรที่อ่อนแอจึงกลายเป็นปัจจัยที่หนุนให้ดอลลาร์แข็งค่ามากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากที่มีการดึงเงินกลับหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ยกเลิก QEอย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 88.08% เทียบกับช่วงเดือนพฤษภาคมที่มีการปล่อยให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงถึงระดับ 78-79%

ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมออกพันธบัตรใหม่เดือนละมูลค่า 10 ล้านล้านเยน ซึ่งธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจเตรียมวงเงิน 8-12 ล้านล้านเยน เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 100% โดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการออกพันธบัตรใหม่ลงเมื่อไร เพื่อให้บีโอเจสามารถอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านรัฐบาลได้โดยตรง แต่ผลที่เกิดขึ้นสะท้อนมาที่เงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงเช่นกันที่ 115.44 ต่อดอลลาร์ หรือลดลง 9.68% นับจากต้นปีนี้ และลดลงในช่วง 1 ปีถึง 17% จากระดับ 98 เยน ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยเงินเยนอาจจะร่วงลงอีกถึงระดับ 120 ต่อดอลลาร์ ในระยะอันใกล้ หากบีโอเจ ยังดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกแบบช็อกตลาดด้วยการเพิ่มฐานเงินจาก 60 ล้านล้านเยน เป็น 80 ล้านล้านเยน

มาตรการช็อกตลาดการเงินโลกของบีโอเจ เพื่อเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ตามความมุ่งหมายของนายชินโซ อาเบะ ที่ถูกเรียกว่าเป็นหมอผีที่สร้างปาฏิหาริย์ Voodoo Abenomics ยังหวังให้ธุรกิจขนาดใหญ่กลับมาทำกำไรก้อนโตได้เหมือนธุรกิจของสหรัฐ 410 บริษัทที่สามารถทำกำไรติดระดับท็อปในตลาดหุ้นเอสแอนด์พี 500 บริษัท หลังจากที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการญี่ปุ่นที่มีขนาด 12 ล้านล้านเยน และมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น 12% เพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งเป็น 20% ที่ส่งผลให้ดัชนีราคาหุ้นนิกเคอิพุ่งขึ้นเกือบ 2,000 จุด หรือมากกว่า 13% ระหว่างชั่วโมงซื้อขายตั้งแต่วันที่เฟดยกเลิก QE

อีซีบีและบีโอเจกำลังทุ่มเม็ดเงินมหาศาลระลอกใหม่ เข้าสู่ระบบการเงินโลกที่มีการคาดการณ์ว่า จะทำให้เม็ดเงินจาก QE เมื่อรวมกับวงเงินเดิมที่มาจากเฟดและธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) แล้วจะมีเม็ดเงินสะสมเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านล้านดอลลาร์ จะยิ่งส่งผลให้เกิดแนวโน้มของสงครามการเงินในที่สุด เมื่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศที่มีค่าเงินแข็งต้องเสียเปรียบในเรื่องของการแข่งขันด้านการค้าก็จะต้องปล่อยให้ค่าเงินอ่อนตาม อาทิเงินบาทในขณะนี้อยู่ที่ 32.90 เทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงไม่ถึง 1% นับจากต้นปีนี้ อาจต้องเข้าสู่สนามแข่งขันให้ค่าเงินอ่อนลง เหมือนอีกหลายประเทศที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน

บทบรรณาธิการ

         โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/วันที่ 8 พฤศจิกายน 2557 01:00


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น